อำเภอเวียงสา

ที่ตั้งและอาณาเขต

ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจังหวัดน่าน ห่างจากตัวจังหวัดเป็นระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร ตามทาง หลวงแผ่นดินหมายเลข 101 (กำแพงเพชร-ต่อเขตเทศบาลเมืองน่าน) ตอนเวียงสา-ต่อเขตเทศบาลเมืองน่าน และอยู่ห่างจากกรุงเทพ มหานคร เป็นระยะทาง 643 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้

 ประวัติ

ตามตำนานที่ไม่มีประวัติที่ทาง ราชการจัดทำขึ้นแต่อย่างใด เพียงแต่ได้มีคนรุ่นเก่าและอดีตข้าราชการรุ่นเก่า ๆ เล่าสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งสอดคล้องกับหลักฐานสำคัญทางโบราณวัตถุและปูชนียวัตถุซึ่งพอจะเป็นที่ยืน ยันและเชื่อถือได้ กล่าวว่าอำเภอเวียงสาเดิมชื่อ “เวียงป้อ-เวียงพ้อ” หรือ “เมืองพ้อ-เมืองป้อ” เพราะตำนานเล่าว่า ถ้าหากมีเหตุการณ์ร้ายแรงอันใดเกิดขึ้น มักเรียกผู้คนที่มีไม่มากนักตามบริเวณนั้นมาป้อ (รวม) กันที่ปากสา (ปากแม่น้ำสาที่ไหลลงสู่แม่ น้ำน่าน) ซึ่งต่อไปนี้จะใช้คำว่า “เวียงป้อ” แทนชื่อเรียกอำเภอเวียงสาในอดีตที่ระบุในตำนานหรือหลักฐานที่สำคัญ ๆ ต่อไป

เวียง ป้อเป็นเมืองที่อยู่ทางทิศใต้ของนครน่าน ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร แรกตั้งครั้งใด นานเท่าไรไม่ปรากฏ อาจจะมีมาตั้งแต่เมืองป้อยุค หิน เพราะมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เช่น แหล่งผลิตเครื่องมือหิน เครื่องปั้นดินเผา เครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ขุดพบ และอีกหลายแห่งที่ยังไม่ได้สำรวจ ตลอดถึงหลักฐานความเจริญรุ่งเรืองในอดีต ปรากฏหลักฐานซากวัดร้างต่าง ๆ เช่น

  • วัดบุญนะ สถานที่ตั้งตลาดสดเทศบาลตำบลเวียงสา
  • วัดต๋าโล่ง อยู่ห่างจากวัดผาเวียงไปทางทิศตะวันออกประมาณ 4 กิโลเมตร
  • วัดมิ่ง เมือง สถานที่ตั้งสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอเวียงสา
  • วัดป่า แพะน้อย อยู่ห่างจากวัดวิถีบรรพต ไปทางทิศตะวันตก 1 กิโลเมตร
  • วัดสะ เลียม อยู่ห่างจากวัดสะเลียมใหม่ (ตำบลยาบหัวนา) 800 เมตร
  • วัดหิน ล้อม อยู่ห่างจากวัดสะเลียมใหม่ (ตำบลยาบหัวนา) 2 กิโลเมตร

เวียง ป้อเป็นเมืองที่อยู่ใกล้นครน่าน ผลกระทบและอิทธิพลด้านต่าง ๆ มักได้รับพร้อมกันกับนครน่าน และเนื่องจากการเดินทางติดต่อโดยทางบกใช้เวลาเดินทางเท้าประมาณ 6-8 ชั่วโมง ถ้าหากขี่ม้าเร็วก็จะประมาณ 2-3 ชั่วโมง การเดินทางติดต่อทางน้ำใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง ที่ตั้งของเวียงป้อนอกจากจะตั้งอยู่ที่ราบระหว่างดอยต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว ยังเป็นเมืองที่มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน เช่น แม่ น้ำสา แม่ น้ำว้า แม่ น้ำแหง แม่ น้ำปั้ว แม่ น้ำสาคร ตลอดถึงสายน้ำน่านและสายน้ำว้าเดิมที่เปลี่ยนเส้นทางเดินกลายสภาพเป็นหนอง น้ำซึ่งมีอยู่มากมาย ชาวบ้านเรียกว่า “น้ำครก” และสายธารอื่น ๆ อีกมากมายที่ไหลลงสู่แม่น้ำน่าน จึงทำให้เวียงป้อเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีความอุดมสมบูรณ์

เวียงป้อเป็นหัวเมืองประเทศราชขึ้นตรงต่อนคร น่าน พงศาวดารน่านได้บันทึกไว้ พ.ศ. 2139 สมัยพระ เจ้าเจตบุตรพรหมินทร์ เจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ 31 ครั้งที่ 1 (พ.ศ. 21032134) ได้เสด็จเวียงป้อ มีใจความตอนหนึ่งของพงศาวดารกล่าวไว้ว่า “จุลศักราชได้ 985 เดือน 8 ลง 3 ค่ำ ท่านก็เสด็จลงไปอยู่เมืองพ้อ ไปสร้างวัดดอนแท่นไว้ ได้อภิเษกสามีเจ้าขวา หื้อเป็นสังฆราชแล้ว…”

กล่าวถึงพระยาหน่อ เสถียรไชยสงคราม เจ้าผู้ครองนครน่าน ลำดับที่ 35 ได้ทราบตำนานวัดพระธาตุแช่แห้ง มีศรัทธาแรงกล้า จึงบูรณะซ่อมแซมและต่อเติมศาสนสถานแห่งนี้ และกล่าวถึงเจ้าเวียงป้อไว้ตอนหนึ่งว่า “ปีเต่าสง้า สร้างบ่อน้ำและโรงอาบ เว็จกุฎิหื้อสมเด็จสังฆราชเจ้าเมืองพ้อ มาเป็นหัวหน้าอยู่ เป็นเค้าเป็นประธานแก่ช่างไม้ทั้งหลาย…”

เหตุการณ์ที่ระบุเจ้าเวียง ป้อเป็นช่างใหญ่นั้น แสดงว่าเวียงป้อเป็นเมืองที่ขึ้นตรงต่อนครน่านราว พ.ศ. 21232127

พ.ศ. 22432251 เมืองน่านและเมืองประเทศราชถูกกองทัพพม่าเผา ทำลายเสียหายทั้งเมืองและวัดวาอาราม ผู้คนถูกเข่นฆ่าจำนวนมาก ชาวน่านแตกหนีภัยสงครามเข้าอยู่ซ่อนในป่าในถ้ำ ทิ้งเมืองให้ร้าง ผลกระทบนี้เมืองป้อก็ได้รับเช่นกันดังในพงศาวดารนครน่าน ตอนที่ 4 ว่าด้วยเมืองน่านคราวเป็นจราจลความว่า “ปีกาเม็ด จุลศักราชได้ 1096 ตัว เถินวัน 14 ค่ำ ทัพพม่าครั้งเถิงเมืองแล้วก็กระทำอันตรายแก่เมืองรั้วเมืองทั้งมวล คือ จุดเผาม้างพระพุทธรูป… วัดวาอาราม ศาสนาธรรม พระพุทธเจ้าที่จุดเผาเสี้ยง จะดาไว้แด่แผ่นดินนั้นแล ชาวบ้านชาวเมืองทั้งหลายก็ตายกันเป็นอันมานัก หันแล”

พ.ศ. 22472251 หัวเมืองต่าง ๆ ขาดผู้ครองเมือง กองทัพญวนและกองทัพลาวบุกเข้ากวาดต้อนผู้คนนครน่านและเวียงป้อด้วย ต่อมา พ.ศ. 2322 นครน่านขาดผู้ครองนคร จึงมีผลกระทบต่อเมืองป้อ จากฝ่ายพม่าเข้ามากวาดต้อนผู้คนไปไว้เมืองเชียง แสน ทิ้งเมืองให้เป็นเมืองร้าง จึงเป็นยุคที่เสื่อมโทรมอย่างยิ่ง พงศาวดารของเมืองน่านได้กล่าวไว้ตอนนี้ว่า “ในยามนั้น เมืองลานนาไทย ก็บ่เที่ยงสักบ้านสักเมืองแล ดังเมืองน่านเรา เปนอันว่างเปล่า ห่างสูญเสียห้าท้าวพระยาบ่ได้แล” ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าเวียงป้อเป็นเมืองร้างนานถึง 15 ปี อำเภอเวียงสาขณะที่ยังไม่ได้สร้างเป็นเมืองหรือเวียงนั้น ได้ถูกสร้างขึ้นเป็นเมืองหรือเวียงโดยเจ้าผู้ครองนครน่านชื่อ เจ้า ฟ้าอัตถาวรปัญโญ เมื่อ พ.ศ. 2340 คือหลังจากสร้างกรุง รัตนโกสินทร์ได้เพียง 15 ปี

จนมีการใช้พระราชบัญญัติลักษณะปกครอง ท้องที่ ร.ศ. 116 (พ.ศ. 2440) มีฐานะเป็นเมือง หรือเรียกตามภาษาภาคเหนือว่า “เวียง” และมีชื่อว่า “เวียงป้อ” มีผู้ครองเมืองซึ่งเป็นเชื้อสายของเจ้าผู้ครองนครน่านชื่อว่า “เจ้าอินต๊ะวงษา” แต่ประชาชนนิยมศึกษาว่า “เจ้าหลวงเวียงสา”

ที่มา http://www.wikipedia.org

ใส่ความเห็น